ปัจจุบัน ระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งช่วยให้การจัดการเอกสารภาษีเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจแต่ละประเภทมีความต้องการที่แตกต่างกันไป แล้วเราควรเลือกใช้ระบบไหนให้เหมาะสมกับขนาดและลักษณะธุรกิจของเรา?
1. e-Tax Invoice by Email: สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย
ธุรกิจรายย่อยที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี สามารถใช้ระบบ e-Tax Invoice by Email เพื่อจัดการใบกำกับภาษีได้ง่ายขึ้น ระบบนี้ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันที่สะดวกและรวดเร็ว
2. e-Tax Invoice & e-Receipt: สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่
สำหรับธุรกิจที่มีรายได้มากกว่า 30 ล้านบาทต่อปี การใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ระบบนี้รองรับการจัดการเอกสารทั้งใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการเอกสารจำนวนมากและมีความซับซ้อนvitae.
e-Tax Invoice ช่วยลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน
แม้จะมีความแตกต่างในการใช้งาน แต่ลูกค้าของทั้งสองระบบสามารถนำ e-Tax Invoice ไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามข้อกำหนด นี่คือจุดสำคัญที่ช่วยสร้างความคุ้มค่าให้กับธุรกิจทุกขนาด